- "Fashion Unisex" อธิบายให้เข้าใจได้อย่างง่ายๆ ก็คือ "แฟชั่นไม่จำกัดเพศ" ซึ่งไม่ว่าคุณจะเป็นเพศไหน ก็สามารถหยิบเสื้อผ้า หรือเครื่องประดับต่างๆ มาสวมใส่ได้ตามความชอบของตัวเอง

- เมื่อ "แฟชั่นไม่จำกัดเพศ" กรอบที่เคยถูกตีเอาไว้ว่าเพศหญิงควรแต่งตัวแบบนี้ เพศชายควรแต่งตัวแบบนั้น จึงถูกหลายๆ คนค่อยๆ ก้าวข้ามกรอบนั้นออกมา ทำให้เราได้เห็นภาพที่ไม่ชินตา อย่าง ผู้ชายสวมใส่กระโปรง รองเท้ามีส้น แต่งหน้าและทาเล็บ เกิดขึ้นในปัจจุบัน

- เพราะทุกคนต่างมีอิสระในการเลือกที่จะแต่งตัว ไม่ว่าจะเป็นเพศหญิง หรือเพศชายก็ตาม

ในยุคที่แฟชั่นไม่มีข้อจำกัด การแต่งตัวจึงขึ้นอยู่กับความชอบ และความกล้าที่จะสนุกไปกับสิ่งๆ หนึ่งที่เรารู้สึกหลงใหล โดยไม่สนใจว่าสิ่งนั้น (การแต่งตัว) จะเป็นกรอบเดิมๆ อย่างที่ใครเคยขีดเส้นเอาไว้ให้เป็น ตั้งแต่รันเวย์จนถึงชีวิตจริงโลกของแฟชั่นในยุคปัจจุบันมีความยืดหยุ่นทางเพศขึ้นมาก เห็นได้จากหลายแฟชั่นโชว์ที่เกิดขึ้น London Fashion Week Men"s ในปีที่ผ่านมา ที่เหล่านักออกแบบให้ผู้ชายสวมใส่กระโปรงบนรันเวย์ จนถึงกระแสเพ้นท์และทาเล็บของเหล่าวัยรุ่นเพศชายในปัจจุบัน

ด้วยความไม่จำกัดเพศของโลกแฟชั่น การแต่งตัวจึงเป็นความลื่นไหลขึ้นอยู่กับความชอบ "Fashion Unisex" ในปัจจุบันจึงไม่ได้มีแค่ผู้หญิงสวมใส่เสื้อผ้าของผู้ชายอีกต่อไป เพราะทางฝั่งผู้ชายก็หันมาเล่นสนุก หยิบจับเสื้อผ้าและอุปกรณ์เสริมของผู้หญิงมาสวมใส่ด้วยเช่นกัน 

"ผู้ชายทำเล็บ" อิทธิพลแฟชั่นจากฝั่งตะวันตก

ตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้การทาเล็บ หรือเพ้นท์ลวดลายต่างๆ ลงบนเล็บมือ ไม่ได้เป็นงานศิลปะที่นิยมเฉพาะผู้หญิงอีกต่อไปแล้วค่ะ เพราะกลุ่มเซเลบริตี้ผู้ชายทางฝั่งตะวันตกส่วนมาก เช่น นักร้องดังอย่าง Paul Klein และ Harry Style และอื่นๆ ก็ต่างพากันครีเอตและอวดความครีเอทีฟงานศิลปะบนเล็บมือผ่านโซเชียลกันจนเป็นเรื่องปกติ ใช่ค่ะ...กระแสนี้ส่งผลมาถึงกลุ่มดาราผู้ชายไทยไปถึงกลุ่มวัยรุ่นทั่วไปด้วยเช่นกัน 

Fashion Week Men"s เห็นผู้ชายสวมใส่กระโปรง

เทรนด์ "ผู้ชายสวมใส่กระโปรง" ยังไม่ได้เป็นกระแส และได้รับความนิยมเท่ากับ "ผู้ชายทำเล็บ" ก็จริง แต่ใช่ว่าจะไม่มีเลยนะคะ MIRROR ขอย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาล Fall/Winter 2019/2020 ที่ London Fashion Week Men"s เหล่านักออกแบบต่างสร้างปรากฏการณ์ให้กับโลกของแฟชั่นอีกครั้ง ด้วยการปรับเปลี่ยนไอเทมท่อนล่างของผู้ชายจากกางเกงเป็นประโปรงนั่นเอง แน่นอนว่ามันดูแปลกใหม่มากๆ หากเทียบกับความคุ้นชินที่ผ่านๆ มา และถึงแม้ว่าเทรนด์นี้จะยังไม่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในประเทศไทย เพราะอาจจะดูแปลกๆ กับค่านิยมที่มี แต่ดูไว้เป็นแนวทางสนุกๆ ก็ถือว่าเป็นไอเดียที่ฉีกกรอบไปได้ไกลทีเดียวค่ะ 

เสื้อครอปเอวลอย ไอเทมผู้หญิงที่ผู้ชายก็หยิบมาใส่

เทรนด์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงซัมเมอร์ 2020 ที่ผ่านมานี้เองค่ะ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ ANDREA CREWS, ARTHUR AVELLANO หรือแม้กระทั่งสตรีทสไตล์แฟชั่น ภาพที่พบเห็นก็คือผู้ชายสวมเสื้อที่มีดีไซน์ที่ดูสั้นกว่าที่ผ่านมาค่ะ ซึ่งเทรนด์ผู้ชายสวมใส่เสื้อครอปนี้ไม่ได้เพิ่งเคยเกิดขึ้นนะคะ แต่ครั้งหนึ่งในช่วงปี 1970 เสื้อครอปเคยได้รับความนิยมเป็นอย่างมากมาแล้วค่ะ และดูเหมือนว่าการกลับมาในครั้งนี้ ด้วยเนื้อผ้า การตัดเย็บ และรูปทรง ไอเทมท่อนบนของผู้ชายที่ดูสั้นขึ้นกว่าที่เคยชิ้นนี้ น่าจะกลายเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่น่าสนใจไม่เบาเลยค่ะ 

 

เลือกสวมรองเท้าที่มีส้น

ประวัติศาสตร์รองเท้าระบุว่า ผู้ชายเป็นคนริ่เริ่มสวมใส่รองเท้าก่อนผู้หญิง ซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่ช่วงอาณาจักรซามานิด หรือ ค.ศ.874 - ค.ศ.1005 และเลิกสวมใส่กันในศตวรรษที่ 18 เพียงเพราะยุคนั้นรองเท้าส้นสูงเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ผู้หญิงชนชั้นสูง จนเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แทนความเป็นผู้หญิง เหล่าสุภาพบุรุษก็เลยเลิกใส่รองเท้าส้นสูงกันไปโดยปริยายค่ะ แต่รองเท้าส้นสูงก็กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งในกลุ่มแฟชั่นผู้ชาย นับตั้งแต่การสวมใส่ของ The Beatles ในช่วงศตวรรษที่ 20 Harry Styles, Jaden Smith ในงานสังคมปัจจุบัน รวมถึงดารานักร้องไทยอย่าง เจมมี่เจมส์ - ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ

หยิบกระเป๋าผู้หญิงมาเป็นอุปกรณ์เสริม

 

"เจมมี่เจมส์ - ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ" เป็นนักแสดงและนักร้องชายไทยที่มักจะหยิบเสื้อผ้าหรือไอเทมต่างๆ ของผู้หญิงมาเป็นส่วนหนึ่งของการแต่งตัวเสมอ ซึ่งการหยิบกระเป๋าผู้หญิงมาใช้นั้นไม่ได้มีเพียงเจมมี่เจมส์เท่านั้นหรอกนะคะ แต่เซเลบริตี้เมืองนอกเขาก็ทำกัน ซึ่งตรงนี้ MIRROR คิดว่ามันคือเรื่องของความชอบและรสนิยมส่วนบุคคลค่ะ 

 

 

 

สุดท้ายแฟชั่นก็เปรียบเสมือนความสนุกส่วนบุคคลที่ดูไว้เพื่อนำมาสร้างสไตล์ใหม่ๆ ให้กับตัวเองค่ะ ไม่แปลกหากเราจะคอยตั้งคำถามในใจถึงการแต่งตัวของใครสักคน แต่ในขณะเดียวกันเราก็ไม่ควรไปตัดสินหรือกำหนดกรอบให้ใครเหมือนกันว่า เพศนี้ควรแต่งตัวแบบไหน (ยกเว้นการแต่งตัวนั้นดูไม่เหมาะสมสำหรับสถานที่นั้นๆ) เพราะทุกคนมีอิสระในการเลือก ไม่ว่าเขาจะเป็นเพศชาย เพศหญิง หรืออะไรก็ตาม เพราะถ้าหากการแต่งตัวมันทำให้คุณมีความสุขได้ MIRROR ก็มองว่ามันก็คือเรื่องที่น่ายินดีเสมอ.